Saturday, October 27, 2012

ไปเชียงรายสอบตรง ม.แม่ฟ้าหลวง

สวัสดีค่ะ

บล็อกนี้ก็จะมาเล่าถึงประสบการณ์ไปสอบรับตรงทั่วประเทศ 56 ที่มหาวิทยาลัยเเม่ฟ้าหลวง จ.เชียงรายน่ะค่ะ  เผื่อให้รุ่นน้องรุ่นต่อๆไปได้มาอ่านเป็นแนวทางก่อนสอบ [เราเองเคยอ่านของรุ่นพี่ก่อนไปสอบเหมือนกัน ช่วยได้เยอะเลย ฮ่าๆ]

เราสอบศิลปศาสตร์ สาขาจีนธุรกิจ แบบเลือกสอบภาษาอังกฤษน่ะ 
[มี 2 เเบบคือเลือกสอบอังกฤษกับเลือกสอบจีน]


สอบ วันที่ 24-25  ต.ค.55    วันเเรกสอบข้อเขียน วันที่สองสอบสัมภาษณ์ [สอบที่เดียวเลยน่ะเพราะใช้คะเเนนสอบสัมภาษณ์+ข้อเขียน+เกรด+gatpat มาพิจารณราทีเดียวเลย]


พูดถึงเรื่องสอบเลยละกัน เพราะถ้าพูดเรื่องประสบการณ์กับเพื่อนๆมันจะยาวมากกกกกกกกกกกกกกกกกก เเละคงสับสนมากเพราะต่างคนต่างถิ่นมาเจอกัน เเล้วสนิทกันเลย !!! ซึ้งมาก >.<

วันที่ 24 สอบข้อเขียน ตื่นเต้นเบาๆ

เช้าเราก็มาถึง มฟล ประมาณ 7 โมงกว่า ต้องลงทะเบียน 8 กว่าๆมั้ง อยากบอกว่าเดินจากส่วนหน้าไปจุดลงทะเบียน [อาคาร C1 ] ตามรูปข้างล่างอ่า  เหนื่อยมากกกกกกกกกกกกก เพราะทางเดินไม่ได้ราบอย่างที่คิด เเต่มันเป็นเนินเหมือนเดินขึ้นเขาเบาๆเลย O.0   แต่บรรยากาศในมอสวยมากจนลืมความเหนื่อยไปเลย 555+


พอเดินไปถึงปุ๊ป !! ก็ไปลงทะเบียบมีรุ่นพี่เป็นคนจัดการ เราก็ไปเซ็นชื่ออะไรต่างๆ  เสร็จเเล้วก็เดินไปหาห้องสอบ [สอบอยู่ C3 ห้อง 101]  เราไปถึงคนเเรกๆเลยอ่า  ก็เดินไปดูชื่อ โอเคชั้นสอบห้องนี้ เเล้่วก็ไปนั่งรอระเบียบหน้าห้อง คนก็เริ่มทยอยมากเรื่อยๆจนเต็มห้องห้องเลย  คือจีนธุรกิจสอบรวมห้องเดียวกับพยาบาลอ่ะ ตอนแรกแอบงงนิด ๆ แต่..อื้ม โอเค  เลขที่นั่งสอบก็ ต้น ๆเลยแหละ เลขที่ 10 เดินหาที่นั่งเกือบไม่เจอมันอยู่หน้า ๆ ต้องเดินลงไปลึก ๆ เลย คือห้องสอบมันเป็นที่เรียนแบบไล่ระดับที่นั่งอะไรประมาณนี้ ไม่รู้เขาเรียกอะไร 555+ ไปถึงก็ดูกระดาษคำตอบ งง เบาๆ มันเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย name /seat/ บลาๆๆ...อาจารย์ก้เเนะนำการกรอกข้อมูล โอเค ไม่งั้นงงเเน่เลย เห้อ !! ยังไม่ทันหรอกเสร็จอาจารย์ก็ประกาศให้เริ่มทำข้อสอบได้เลย OMG !!! ชั้นยังกรอกไม่เสร็จเลย เสียเวลามากกก TT จากนั้นก็ทำข้อสอบไป.... ข้อสอบมี 75 ข้อ แบบเป็น conversation 25 grammar 25 reading 25  ให้เวลา 2 ชม. [เราเป็นคนทำข้อสอบช้ามาก ไม่ทันชัวร์ คิดในใจ]  ก็เริ่มทำไป conversation โอเคพอทำได้ไม่ยากมาก เหมือนของแกทมั้งเเต่สำนวนไม่เยอะเท่าไร  แต่ส่วน grammar โอ้ อะไรกันเนี่ยมั่วดีกว่า เห้ยไม่ได้ดิ....มั่วไม่ได้ error คิดหนักพอสมควร  ข้ามไปก่อนดีกว่า  ก็เลยทำ reading ก่อนมีประมาณ 4 บทความมั้ง ไม่ค่อยยาวมากแต่คำถามเยอะมากอ่า TT  ก็ทำไปเรื่อยๆหลังไม่ค่อยได้ล่ะ ดูเวลา ฮ้ะ !!! O.0 เหลือ 30 นาที ตายๆๆๆๆๆ ชั้นทำไม่ทันเเน่เลย รีบๆเลยทีนี้ เริ่มเบลอๆมั่วๆกลัวทำไม่ทัน กลับมาทำ grammar เเล้วกลับไป reading อีก เอ่อ.....สุดท้ายทำเสร็จทันพอดี แต่เเบบมั่วไำปเยอะ ไม่ค่อยมั่นใจเลย  TT คิดในใจชั้นจะได้ถึงครึ่งมั้ยเนี่ยยยยยยยย !!!! จบๆ รอสอบสัมภาษณ์วันต่อไปดีกว่า


สอบเสร็จก็มานั่งรอเพื่อนอยู่เเถวใต้ต้นมะม่วง ใกล้สระน้ำ เย็นสบายมาก



วันที่ 25 สอบสัมภาษณ์ ที่สุดของความตื่นเต้นนนนนนนน >.<

ไม่อยากบอกว่าวันนี้ตื่นสาย เพราะเมื่อคืนพากันไปเที่ยวไนท์บาซ่าในตัวเมืองมา ได้ของฝากมาเยอะเลย [เที่ยวก่อนสอบเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีมากกกกก เห้อ!! ทำไปได้ ~.~] ตื่นสายเเล้วพากันตกใจ ทำอะไรไม่ถูก เห้ย !!!! สัมภาษณ์่น่ะ เตรียมก็ไม่ทันแหละ  ตายเอาดาบหน้าละกัน...

มาถึงมอก็ลงทะเบียบตามเคย เเล้วก้ไปรอหน้าห้องสอบที่ C5 กว่าจะหาเจอ หลงนิดหน่อย 555+

มาถึงก็เจอคนนั่งท่องสคลิปบ้างอะไรบ้าง เห้ยเราละทำไรดี ท่องเหมือนกันแหละว่ะ  เน้นเเนะนำตัวภาษาจีนอะไรไป  ท่องจีนทั้งนั้น กลัวอาจารย์ถามเเล้วตอบไม่ได้ TT สักพักก็มีรุ่นพี่มาเรียกไปรวมกันอยู่ในห้องรับรองก่อนสัมภาษณ์ 160 คนกว่าๆ ที่เลือกสอบอังกฤษอ่ะ  อัดกันอยู่โอ้วววววว อาจารย์ก้เลยให้่มายืนรอข้างนอกได้  ทำแบบประเมินเสร็จอาจารย์ก็เรียกชื่อไป 10 คนเเรกเห้ยชั้นที่ 10 ตายสอบชุดเเรกเลย  รุ่นพี่ก็พาเดินไปอีกห้ิองหนึ่ง นั่งรอคิวหน้าห้อง เเต่ละคนตื่นเต้นไม่ไหวเเล้ว รุ่นพี่ก้เลยชวนคุย ไม่ให้ตื่นเต้นมาก ถามโน่นถามนี่ มาจากจังหวัดอะไร ครูใจดีน้องไม่ต้องกลัว ตอบตามที่ใจเราบอก โห้ยยยยพี่่่่ ถ้้าใจบอกเเล้วนึกเป็นอังกฤษไม่ออก  เอาใจตอบไงละทีนี้ [คิดในใจ] รุ่นพี่คนนั้นอ่ะเป็นเดือนสาขาจีนธุรกิจด้วย ก็ดูดีอ่ะ และอีกคนหนึ่งพูดเก่งมากพี่แกน่ารักมากอ่ัะ  :) 5555+ 

อ่า..คนต่อไปค่ะ อาจารย์คนหนึ่งรอเรียกนักเรียนเข้าไป ....OMG!!!ตอนนั้นตั้งสติเเทบไม่ได้ มันตื่นเต้นมาก แต่ก็พยายามเก็บอาการ...เดินเข้าไป ในห้องมี 3 โต๊ะ ครูโต๊ะละ 2 คน เราได้ได้โต๊ะข้างในสุดเลย เป็นครู ญ 2 คนจีนคน  ไทยคน ไปถึงก็ยกมือไหว้ เเล้วพูดว่า  "สวัสดีค่ะ" อาจารย์แกก็ยิ้ม ๆ "ขออนุญาตินั่งน่ะค่ะ" เเล้่วก็นั่งเลย  เเล้วก็ยืนพอตให้ ครูจีนก็ถามว่าชื่ออะไร ก็ตอบไปแกหาลำดับที่อะ ครูไทยก็เลยบอกว่า เท็น 10 อ่ะ ครูจีนก็ อ่อ... แล้วก็เริ่มสัมภาษณ์เลย

ครูไทย : let's introduce yourself... ประมานนี้
me      :my name's ..... i'm 18 years old .i'm studying in amnatcharoen school.i like learning foreign     language,especially English and Chinese . [ พอแหละ ปล่อยให้ถามดีกว่า แต่ดูเหมือนอาจารย์  ยังอยากให้พูดอีก TT มันน้อยไปหรอ ]
ครูจีน :where are you from ?
me : amnatchareon
ครูจีน : หันไปหาครูไทย กำลังจะถามว่าอยู๋ไหนมั้ง
me : ชิงบอกก่อน ...in north eastern 
ครูจีน : ohh อ่อๆ  
         แล้วก็ถามอะไรไม่รู้อันนี้แปลไม่ได้อ่ะ มันเหมือนออกภาษาจีนหรืออะไร  เราก้เลย sorry i don't understand ครูไทยก้เลยบอกว่า your habit อะไร  เราก็อ่อ !!! โห้คำถามง่ายๆ ทำไมฟังไม่ออกว่ะนึกว่าถามจีนชั้น  สำเนียงครูจีนแปลกๆ
me ตอบไป : reading a book,wathcing television and surfing internet
ครูจีน : อ่อ อื้ม ๆ [่อ่อ ตลอด]  ครูไทยก็เปิดดูพอตอยู่
ครูจีน : what you want to be in the future?
me : an interpreter and guide เฟคไปให้มันนตรงกับสาขาที่เรียน
ครูจีน : tell me about your province 
me : ห้ะ ตายนึกอะไรไม่ออก ก็เลยบอกไป  2-3 อย่าง
ครูไทย ; why you want to study Business Chinese ?
me; because i ..... ยาวพอสมควร เกือบนึกไม่ออก [ทำไมไม่ถามว่าืำทำไมอยากเรียนมหาลัยนี้ก่อนว่ะ]
ครูไทย :อ่ อ why do you want to study in this university ? 
me : [อ้าว ถามแหละ ขำในใจ 555+] because i ...... ยาพอสมควร แต่ไม่เป๊ะเท่าไร
ครูไทย  : have you ever studied Chinese ?
me ; yes 
ครูไทย : ถามเป็นภาษาจีน มี jiao ๆ อะไรสักอย่่าง
me : wo jiao ....
ครูไทยยิ้มเลย [ชั้นเข้าใจผิดหรอ หรืออะไรงง ยิ้มทำไม??]
ครูจีน : zhongwen hen nan xue ma ? [ฟังไม่ออก แต่มารู้ทีหลัง]
me : คิดในใจ ตายยยยแปลไม่ออก  แต่ก้พยายามแปล แต่ก็ไม่ได้อยุ่ดี
ครูไทยเลยถามว่า ภาษาจีนว่าไง เราก็ตอบ zhongwen
ครู:เเล้วยากล่ะ ... hen nan ..ถ้าไม่ยากว่าไง
me:Zhongwen bu nan xue
ครูไทยหัวเราะ ครูจีนยิ้ม [เพราะชั้นตอบว่ามันไม่ยากแต่ ชั้นฟังไม่ออกด้วยซ้ำหรอ โอ้ววขำตัวเอง]

     ครูจีน ยื่นกระดาษมาแผ่นนึง พินอินอ่า สระอะไรประมานนี้ ในใจตายแน่ๆชั้น อ่านไม่ได้สักตัว ครูก็ชี้ให้อ่านก่อน อ่านผิดด้วยแหละ  อ่านไม่ได้ครูจีนก็พาอ่าน ประมานว่าวัดว่าเราสามารถออกเสียงได้มั้ย มั้ง  ก้อ่านตามแกไป 20 ว่าตัว มีศัพท์ด้วยที่จำได้ก็มี laoshi xuexi บลาๆๆ...อ่านเสร็จครูแกก็ไม่พูดอะไร เเล้วก็บอกว่าโอเค ประมาณว่าเสร็จเเล้ว เราก็ thank you ลุกไปหยิบเอาพอต เดินช้าๆ ออกนอกห้องไป สัมภาษณ์ประมาณ 5 นาทีได้อ่ะ [แอบเห็นโต้ะที่มีครูผู้ชายคนจีน กับไทย ไม่ยิ้มเลยแลดูโหดมากกกกก ดีน่ะไม่ได้ครู 2 คนนั้น]

เดินออกมาเเล้วก็รีบเดินไปเอากระเป๋าเเล้วรีบเดินหนีไปเลย ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะไปไหน มันตื่นเต้นมากหลังจากที่เก็บอาการในห้องสัมภาษณ์ ตั้งสติได้โทรหาพ่อ เล่าให้พ่อฟัง เสร็จเเล้วโทรหาเพื่อน  ต้องรอเพื่อนอีกคนเลยเดินกลับมาหน้าห้องเหมือนเดิน มาดูคนอื่นเขาเป็นไง  โอ้วววว  แต่ละคนเดินออกมา สภาพรีบๆบ้าง  เกาะลูกบิดประตูเหมือน fail มากบ้าง บางคนก็บอกโอเค ชิว ๆ  O.o ไปส่องดูใครสอบได้ครูเหมือนชั้นบ้างว่ะ อยากรู้จริงๆ คำถามจีนอันเเรกใช่ถามชื่อมั้ย รอๆดู คนหนึ่ง เด็ก กทม เดินออกมาเราก็เดินไปถามทันที เเต่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันเขาก็ตอบไม่ได้ เค้าบอกว่าไม่เคยเรียนจีน เรียนวิทย์-คณิตมา อ้าวเหมือนชั้ยเลยนี่หว่า โอเคไม่เป็นไร ช่างมันเหอะ อะไรก็ช่างมัน เเล้วก็คุยกันกับเพื่อนคนนั้นเขาก็ขอเบอเรา ถ้าสอบติดค่อยโทรหากัน เพราะพูดกันไว้ว่าถ้าได้จะเอาเลย 5555555+

''สอบสัมภาษณ์ครั้งเเรกก็เจอหนักเข้าเลย ทั้งจีนทั้งอังกฤษ ดีน่ะไม่ถามยากมาก รอลุ้นผลต่อไป หวังว่าคงจะติด อยากเรียนที่นี่มาก มันใช่เลย 555+ ขอให้โชคดีหน่อยเถอะ สาธุ!!!''




เอาภาพ ม.แม่ฟ้าหลวง มาฝาก สวยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ในรูปไม่ค่อยสวยเหมือนของจริงเลย !!





































จบเเล้ว

Goodbye




Saturday, August 18, 2012

I LOVE THE SONGS


THESE ARE  MY FAVORITE SONGS 
I LOVE LISTENING TO THESE SONGS 
 THAI SONGS,KOREAN SONGS AND AMERICAN SONGS 
CHECK THEM OUT !!I HOPE U LIKE THEM





















Thursday, February 17, 2011

ต้มยำกุ้ง


ต้มยำกุ้ง
อาหารไทย Go inter


เครื่องปรุง


กุ้ง 7-8 ตัว

เห็ด 350 กรัม

ตะไคร้ 1 ต้น

ใบมะกรูด 7-8 ใบ
ผักชี 2 ต้น
พริกสด 5 เม็ด
ซีอิ้วขาว (หรือน้ำปลา) 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำพริกเผา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุปไก่ 5 ถ้วย


วิธีทำ
วิธีทำ
1. นำกุ้งและเห็ดมาล้างให้สะอาด ปลอกเปลือกกุ้ง ผ่าหลังเอาเส้นดำออก ส่วนเห็ดนำมาผ่าเป็น 4 ส่วน




2. นำตะไคร้ ใบมะกรูด พริกสด และผักชีมาล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วหั่นตะไคร้เฉียงๆ ฉีกใบมะกรูดเอาเส้นกลางใบออก ทุบพริกแล้วหั่นเป็นท่อน ส่วนผักชีนำมาหั่นหยาบๆ


3. เปิดเตาที่ไฟแรงปานกลาง นำน้ำซุปใส่หม้อ รอจนเดือดจึงใส่ตะไคร้และใบมะกรูดลงไป เคี่ยวไปประมาณ 5 นาที



4. ใส่เห็ดและกุ้งลงไป รอจนเดือดประมาณ 2-3 นาทีจึงปิดเตา



5. ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงต่างๆ คือซีอิ้วขาว (หรือน้ำปลา) น้ำมะนาว น้ำพริกเผา และพริกทุบ ชิมรสตามชอบ ใส่ผักชีโรยหน้า คนให้เข้ากัน



6. ตักต้มยำกุ้งใส่ถ้วย จากนั้นก็ยกเสิร์ฟได้เลยค่ะ

Wednesday, November 10, 2010

ส้มตำ





ส้มตำ (Som tam) 
เป็นอาหารคาวของไทยอย่างหนึ่ง มีต้นกำเนิดไม่แน่ชัดโดยน่าจะมาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของไทยและ ประเทศลาว ส่วนมากจะทำโดยนำมะละกอดิบที่ขูดเป็นเส้น มาตำในครกกับ มะเขือลูกเล็ก ถั่วลิสงคั่ว กุ้งแห้ง พริก และกระเทียม ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา ปูดองหรือปลาร้า ให้มีรสเปรี้ยว เผ็ด และออกเค็มเล็กน้อย นิยมกินกับข้าวเหนียวและไก่ย่าง โดยมีผักสด เช่น กระหล่ำปลี หรือถั่วฝักยาว เป็นเครื่องเคียง 


ร้านที่ขายส้มตำ มักจะมีอาหารอีสานอย่างอื่นขายร่วมด้วย เช่น ซุปหน่อไม้ ลาบ น้ำตก ไก่ย่าง ข้าวเหนียว เป็นต้น ส้มตำเป็นอาหารที่แพร่หลายและนิยมรับประทานไปทุกภาค ยังให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงพระราชนิพนธ์เพลงส้มตำขึ้นมา 
ประวัติส้มตำ
คนมักเข้าใจกันผิดว่าส้มตำเป็นอาหารพื้นเมืองของภาคอีสานหรือของลาว แท้จริงแล้วส้มตำเป็นอาหารสมัยใหม่ถือกำเนิดมาราว 40 ปีเท่านั้น เนื่องจากมะละกอเป็นพืชที่นำเข้ามาจากเมืองมะละกา ประเทศมาเลเซีย ในช่วงสงครามเวียดนาม ซึ่งในตอนนั้นรัฐบาลไทยให้สหรัฐอเมริกา เข้ามาตั้งฐานทัพ และตัดถนนมิตรภาพเพื่อเป็นเส้นทางลำเลียงยุทโธปกรณ์ไปยังพื้นที่สู้รบ พร้อมกันนั้นได้นำเมล็ดพันธุ์มะละกอไปปลูกสองข้างทางของถนนมิตรภาพ มะละกอจึงเผยแพร่ไปสู่ภาคอีสาน เปิดโอกาสให้ชาวอีสานได้ประดิษฐ์ส้มตำขึ้น 

ส้มตำ เป็นอาหารที่คนอีสานชอบและกิน กินกับข้าวเหนียวหรือกินเล่นๆ ก็ได้ คนภาคอีสานและภาคเหนือเรียกว่า ตำส้ม การทำส้มตำทำง่ายๆ คือ นำมะละกอที่แก่จัดมาปลอกเปลือกออก ล้างเอายางออกให้สะอาดแล้วสับไปตามทางยาวของลูกมะละกอ สับได้ที่แล้วก็ซอยออกเป็นชิ้นบางๆ จะได้มะละกอเป็นเส้นเล็กๆ ปลายเรียว เมื่อได้ปริมาณมากตามต้องการแล้ว ต่อไปก็เตรียม พริก กระเทียม มะนาว น้ำปลา ถ้าเป็นส้มตำแบบอีสานแท้นั้นใช้น้ำปลาร้าแทนน้ำปลาหรือจะใช้ทั้งสองอย่าง 

เมื่อเตรียมทุกอย่างครบแล้วก็นำ พริก กระเทียมมาใส่ลงในครก ใช้สากตำละเอียดพอประมาณ ใส่มะละกอที่ซอยไว้แล้วลงไป ตำให้พริก กระเทียม มะละกอคลุกเคล้ากันให้เข้ากันดี หากเตรียมมะเขือเทศและถั่วฝักยาวมาด้วยก็จะฝานผสมลงไป เติมมะนาว น้ำปลาร้า และน้ำปลา ตำคลุกเคล้ากันดีแล้ว ตักชิมรสดู เติมเปรี้ยวหรือเค็มตามต้องการ แล้วตักใส่จาน กินกับข้าวเหนียวได้พร้อมกับกับข้าวอย่างอื่น คนอีสานกินส้มตำเป็นกับข้าวได้ทุกมื้อ 

ต่อมาตำส้มของชาวอีสานแพร่หลายลงมาภาคกลาง อาจเนื่องมาจากชาวอีสานมาทำงานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ตำส้มแบบอีสานก็แพร่หลายในกรุงเทพและส่วนอื่นๆของประเทศไทย โดยเฉพาะร้านข้าวเหนียวส้มตำจะแพร่หลายอยู่ตามกลุ่มคนงานชาวอีสาน 

นอกจากส้มตำก็จะมีไก่ย่าง ปลาดุกย่างและอาหารอื่นๆด้วย ส้มตำเลยเป็นที่นิยมแพร่หลาย การทำส้มตำจึงมีการปรับปรุงให้เหมาะสมกับคนภาคกลาง เช่น เพิ่มน้ำตาลให้มีรสหวาน เพิ่มถั่วลิสงคั่ว และกุ้งแห้ง ตัดปลาร้าออกใช้แต่น้ำปลาเป็นต้น ส้มตำ หรือ ตำส้มจึงมีรสดั้งเดิมแบบอีสาน หรือแบบภาคกลาง เรียกว่า ตำไทย ซึ่งออกรสหวาน ยิ่งกว่านั้นยังมีการเพิ่มปูดองเข้าไปอีกเพื่อเพิ่มรสชาติให้อร่อยมากยิ่งขึ้น 

ตำส้มของชาวอีสาน ไม่เฉพาะแต่มะละกอเท่านั้น ผลไม้อย่างอื่นที่ยังไม่สุกก็นำมาทำเป็นตำส้มได้ เช่นขนุนอ่อน มะม่วง มะยม เป็นต้น ปัจจุบัน ส้มตำมิใช่แพร่หลายเฉพาะในหมู่คนไทยเท่านั้น ส้มตำแพร่หลายออกไปจนกลายเป็นอาหารที่นานาชาติรู้จักและเป็นอาหารจานโปรดของนักท่องเที่ยวที่โรงแรมชั้นหนึ่งทุกแห่ง ที่สำคัญ ทหารอเมริกันที่มารบกับเวียดนาม มาประจำที่ฐานทัพในประเทศไทย ต่างก็ติดใจตำส้มอีสาน นำไปเผยแพร่ที่อเมริกาจนรู้จักกันไปทั่วโลกทีเดียว 

ส้มตำแบบต่างๆ
ส้มตำปู ใส่ปูเค็มแทนกุ้งแห้งและถั่วลิสงคั่ว รสชาติออกเค็มนำ 
ส้มตำไทย ไม่ใส่ปูและปลาร้า แต่ใส่กุ้งแห้งและถั่วลิสงคั่วแทน รสชาติออกหวานและเปรี้ยวนำ บางถิ่นอาจใส่ปูดองเค็มด้วย เรียกว่า ส้มตำไทยใส่ปู 
ส้มตำปลาร้า ใส่ปลาร้าแทนกุ้งแห้ง นิยมรับประทานกันมากในภาคอีสาน 


ตำซั่ว ใส่เส้นขนมจีนแทนเส้นมะละกอ นิยมรับประทานกันมากในภาคอีสาน 


ตำป่า ใส่ผักหลายชนิด เช่น ผักกระเฉด ผักกาดดอง ปลากอบ ถั่วลิสง ถั่วงอก ถั่วฝักยาว รวมถึงหอยแมลงภู่ จะนิยมรับประทานในภาคอีสาน 
นอกจากนี้ ยังมีบางที่ นำเอาผักหรือผลไม้ดิบ อย่างเช่น มะม่วงดิบ ใส่แทนมะละกอดิบ เรียกว่า "ตำมะม่วง, "กล้วยดิบ เรียกว่า "ตำกล้วย"], แตงกวา เรียกว่า "ตำแตง", ถั่วฝักยาว เรียกว่า "ตำถั่ว" และแครอทดิบ เป็นต้น ถ้าใช้ผลไม้หลายๆ อย่างเรียกว่า ตำผลไม้ 

นอกจากนี้ยังมีการใส่วัตถุดิบอย่างอื่นลงไป เช่น ใส่ปูม้าเรียกว่า ส้มตำปูม้า ใส่หอยดองเรียกว่า ส้มตำหอยดอง 

ส่วนผสมหลัก
1. มะละกอสับ 400 กรัม 
2. น้ำปรุงส้มตำ 120 กรัม 
3. ถั่วฝักยาว 80 กรัม 
4. มะเขือเทศ 120 กรัม 
5. พริกขี้หนู 5 กรัม 
6. กุ้งแห้ง 25 กรัม 
7. กระเทียม 8 กรัม 
8. น้ำมะนาว 20 กรัม 

วิธีทำ
1. โขลก พริก และกระเทียมพอแหลก 
2. ใส่มะละกอ ถั่วฝักยาว มะเขือเทศ กุ้งแห้ง โขลกพอให้มะละกอช้ำนิดหน่อย 
3. ใส่น้ำปรุงส้มตำ และแต่งรสเปรี้ยวด้วยน้ำมะนาวอีกเล็กน้อย รับประทานกับผักสด เช่น กะหล่ำปลี ผักบุ้งไทย ถั่วฝักยาว